สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน
หลังจากหัวข้อที่แล้วแพรได้มาแนะนำตัวไปคงจำกันได้
สำหรับหัวข้อในวันนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเรียนรู้ค่ะ แพรเชื่อว่าพอหลายคนเห็นหัวข้อแล้วคงจะส่ายหัว
แต่แพรคิดว่าหลังจากที่ทุกคนได้อ่านคงได้นำไปประยุกต์ใช้ได้ไม่มากก็น้อยเลยล่ะค่ะ
ถ้ามาพูดกันถึงเรื่องการเรียนรู้ สำหรับแพรนั้นเรื่องที่แพรต้องเรียนรู้คงไม่ใช้เพียงแค่ในห้องเรียนเท่านั้น
อย่างที่แพรเคยกล่าวไปในหัวข้อการแนะนำตัว แพรเป็นคนชอบทำกิจกรรมต้องพบปะผู้คนหลายเพศหลายวัยแตกต่างกันออกไป
อาจจะงงว่าเกี่ยวกับการเรียนรู้อย่างไรใช่ไหมละคะ
สำหรับแพรการได้ทำงานร่วมกับผู้อื่นในฐานะของผู้นำหรือผู้ร่วมงานนั้นถือเป็นการเรียนรู้ที่ยากพอสมควร
เพราะแพรต้องฝึกที่จะเข้าใจผู้อื่น มองคนให้ออกและสามารถบริหารทั้งงานและคนให้ไปด้วยกัน รวมทั้งต้องประพฤติตนให้เหมาะสมอีกด้วย
สำหรับบทความนี้แพรขอนำเสนอทฤษฎีจูงใจคนที่แพรนำมาประยุกต์ใช้คือ "ทฤษฎี XYZ"
ทฤษฎีนี้เกิดจากข้อสมมุติฐานที่ว่า
ตามธรรมชาติของมนุษย์มีความเกียจคร้านเป็นนิสัย ดังนั้นการทำกิจกรรมใดๆก็ต้องมีการกระตุ้นโดยการให้รางวัลหรือการลงโทษ ตลอดจนต้องมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด
จากหลักความคิดของทฤษฎี X จะกล่าวได้ว่าบุคคลใดๆจะทำงานเมื่อมีกฎ ระเบียบมาบังคับ และต้องจ่ายค่าตอบแทนจึงจะทำงาน หลายคนอาจจะใช้ทฤษฎีนี้ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลิตภาพที่ดี แต่ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานอาจจะออกมาไม่ดีอย่างที่คิด สถานการณ์ที่บ่งบอกคือ บุคคลนั้นๆจะทำงานในส่วนที่ตนเองได้รับมอบหมายเท่านั้น แต่จะไม่มีการช่วยเหลือผู้อื่น ทำงานแบบขอไปทีหรือขอให้จบไปวันๆเท่านั้น ผู้นำที่บริหารบุคลากรด้วยทฤษฎี X มักจะได้รับผลงานที่ดีเยี่ยมแต่ความสัมพันธ์กับเป็นทางยอดแย่แทน
ตามธรรมชาติของมนุษย์มีความเกียจคร้านเป็นนิสัย ดังนั้นการทำกิจกรรมใดๆก็ต้องมีการกระตุ้นโดยการให้รางวัลหรือการลงโทษ ตลอดจนต้องมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด
จากหลักความคิดของทฤษฎี X จะกล่าวได้ว่าบุคคลใดๆจะทำงานเมื่อมีกฎ ระเบียบมาบังคับ และต้องจ่ายค่าตอบแทนจึงจะทำงาน หลายคนอาจจะใช้ทฤษฎีนี้ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลิตภาพที่ดี แต่ความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานอาจจะออกมาไม่ดีอย่างที่คิด สถานการณ์ที่บ่งบอกคือ บุคคลนั้นๆจะทำงานในส่วนที่ตนเองได้รับมอบหมายเท่านั้น แต่จะไม่มีการช่วยเหลือผู้อื่น ทำงานแบบขอไปทีหรือขอให้จบไปวันๆเท่านั้น ผู้นำที่บริหารบุคลากรด้วยทฤษฎี X มักจะได้รับผลงานที่ดีเยี่ยมแต่ความสัมพันธ์กับเป็นทางยอดแย่แทน
ทฤษฎีข้อนี้เกิดจากข้อสมมุติฐานที่ว่า
โดยธรรมชาติและมนุษย์มีความอยากรู้อยากเห็นอยากทำ หากสิ่งเหล่านั้นมีความหมายและน่าสนใจสำหรับตัวเขา เขาก็จะทำด้วยตนเองหรือดิ้นรนเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
จากหลักทฤษฎีนี้จะให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมงาน ส่งเสริมให้แต่ละบุคคลได้แสดงศักยภาพของตนเอง พัฒนาขีดความสามารถจนกระทั่งบรรลุตามเป้าหมาย ทฤษฎีนี้เน้นทุกคนเป็นจุดศูนย์กลาง อ่านดูแล้วเป็นทฤษฎีที่น่าใช้เพราะเป็นเรื่องที่จะไม่ทำร้ายความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน แต่ความเป็นจริงแล้วในสังคมย่อมมีบุคคลที่มีความหลากหลายทางพฤติกรรม มีพื้นฐานทางความคิดแตกต่างกัน ดังนี้การจะใช้ทฤษฎี Y เพียงอย่างเดียวในการบริหารคนจึงอาจประสบปัญหาหลายอย่างและไม่บรรลุผลตามที่ ตั้งใจไว้
โดยธรรมชาติและมนุษย์มีความอยากรู้อยากเห็นอยากทำ หากสิ่งเหล่านั้นมีความหมายและน่าสนใจสำหรับตัวเขา เขาก็จะทำด้วยตนเองหรือดิ้นรนเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
จากหลักทฤษฎีนี้จะให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมงาน ส่งเสริมให้แต่ละบุคคลได้แสดงศักยภาพของตนเอง พัฒนาขีดความสามารถจนกระทั่งบรรลุตามเป้าหมาย ทฤษฎีนี้เน้นทุกคนเป็นจุดศูนย์กลาง อ่านดูแล้วเป็นทฤษฎีที่น่าใช้เพราะเป็นเรื่องที่จะไม่ทำร้ายความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน แต่ความเป็นจริงแล้วในสังคมย่อมมีบุคคลที่มีความหลากหลายทางพฤติกรรม มีพื้นฐานทางความคิดแตกต่างกัน ดังนี้การจะใช้ทฤษฎี Y เพียงอย่างเดียวในการบริหารคนจึงอาจประสบปัญหาหลายอย่างและไม่บรรลุผลตามที่ ตั้งใจไว้
ทฤษฎี นี้รวมเอาหลักการของทฤษฎี
X
และ Y เข้าด้วยกัน แนวความคิดก็คือ มีหลักเกณฑ์ที่ควบคุมมนุษย์
แต่มนุษย์ก็รักความเป็นอิสระและมีความต้องการ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามแต่ละบุคคลและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ทฤษฎีมีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการคือ
1.
การทำตั้งใจในสิ่งที่หวังไว้สำเร็ลลุล่วง
2.
การเปิดโอกาสให้ทุกคนได้พัฒนาและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
3. การให้ความไว้วางใจแก่เพื่อนร่วมงาน
4. การให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
3. การให้ความไว้วางใจแก่เพื่อนร่วมงาน
4. การให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
สำหรับตัวแพรเองนั้นคิดว่า การทำงานแต่ละอย่างให้เกิดความเหมาะสมนั้นก็ควรจะใช้ทฤษฎีจูงใจคนที่แตกต่างกัน แต่ส่วนหนึ่งต้องไม่ลืมว่า
ทุกคนนั้นเป็นเพื่อนของเรา ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ทฤษฎีไหนก็ตามสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยนั้นก็คือทฤษฎีบริหารคนด้วยหัวใจควบคู่กันไปด้วย
นึกถึงใจเขาใจเราเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะคะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น